นายพงศ์พรหม ยามะรัต รองโฆษกพรรคสร้างอนาคตไทย(สอท.) โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า ขอรณรงค์รอบที่ 100 (หรือจะรณรงค์ถึง 1,000 ถ้าทัศนคติยังแย่แบบนี้กันอยู่นะครับ 5555) อันนี้เป็นงานที่ 2 ในสวนเบญจกิติที่ผมขอบ่นดังๆ กระแสคนนิยมสวนตอนนี้ ก็จะดูด event organizer มาเสกงานต่างๆมากมายเพื่อวิ่งหา sponsor เหมือนเดิมเลยครับ จัดงานในสวนที่ควรสงบ สะอาด มลภาวะน้อย แต่ทำบูทใหญ่มหึมา เอาสี เอาทินเนอร์มาละเลงจนกลิ่นเหม็นไปทั่ว ใครมาวิ่งก็สูดสารพิษสะสมไปก่อมะเร็ง
.
รถ 6 ล้อกี่คัน กระบะกี่คัน รถตู้กี่คัน เอามาประเคนทำโครงสร้าง ทาสี จัดแสงสีวุ่นวาย ผมถ่ายรถกระบะขนของให้ดู โหลดเตี้ย แต่งท่อดัง แต่งเครื่องควันดำเหม็นหึ่ง ผมไม่ปิดทะเบียนด้วยนะ เจ้าหน้าที่บริษัท event ก็นั่งในรถตู้ดีเซลสีดำเปิดแอร์เย็นอยู่ข้างๆป้ายห้ามสตาร์ทรถทิ้งไว้ ป้ายเบ้อเริ่ม ไม่สนใจเลย กูจะมาจัดอีเว้นท์ คิดแค่นั้น ช่วยอย่าสักแต่จะจัดแต่อีเว้นท์โดยใช้สวนเป็นแค่ฉากสวยๆแต่จัดงานที่ไร้แก่นเลยครับ
.
ผมไม่ได้แอนตี้อีเว้นท์ในสวนนะ แต่ช่วยกันทำแบบมลภาวะน้อยหน่อยได้มั้ย เพื่อแสดงความซื่อสัตย์กับคนที่มางานคุณ แล้วเพื่อแสดงความเข้าใจหน่อยว่าการมาจัดงานที่สวน ไม่ใช่แค่มาหาฉากสวยๆทำงาน ปล.ผมเคยชมอีเว้นท์ของ Nike นะครับ ทำโครงเบา และทาสีไว้ก่อน แล้วเอามาประกอบในงาน เป็นงานที่ฉลาดคิด และคิดมาครบดีมาก
.
นอกจากนี้ นายพงศ์พรหม ยังโพสต์อีกว่า “เช้านี้ต้องหนีไปวิ่งอีกด้านของสวนครับ นอกจากกลิ่นสี กลิ่นทินเนอร์คลุ้ง ออร์กาไนเซอร์เอาเครื่องปั่นไฟใหญ่มาติดตั้งกลางสวน กำลังวิ่งๆอยู่ โอ้โห กลิ่นไอเสียฉุนขึ้นจมูก วิ่งผ่านอะไรแบบนี้บ่อยๆรับรองว่าเป็นมะเร็ง อะไรแบบนี้เมืองนอกห้ามมาใช้ในสวนสาธารณะครับ
.
การใช้ไฟฟ้าในสวนเมืองนอกเค้าจะให้ใช้แผงโซล่ารุ่นใหม่ๆที่ราคาถูก เบา ผลิตไฟฟ้าได้เยอะ แล้วเอาไฟมาเก็บใน storage วางทิ้งไว้ทั้งวันนี่เลี้ยงแอร์ได้เป็นห้องสบายๆ ผมเคยไปดูงานแล้ว ราคาชุดๆนึงไม่ได้แพงกว่าเครื่องปั่นไฟแบบที่เห็นนี่เลย จะจัดงานในสวน คุณต้องคิด carbon footprint เป็นนะครับประเทศจะเจริญกว่านี้
.
