การันตีความสำเร็จมาเกินครึ่งศตวรรษ สำหรับสื่อบันเทิงยักษ์ใหญ่อย่าง“ช่อง 3” ที่ตลอดระยะเวลากว่า 50 ปีมีการเติบโตและทำเงินเป็นกอบเป็นกอบ โกยกำไรสูงหลาย พันล้านบาทต่อปี รายได้สูงระดับหมื่นล้านบาท! แต่ท่ามกลางบริบทโลกเปลี่ยน ภูมิทัศน์สื่อไม่เหมือนเดิม เทคโนโลยี ดิจิทัล “ดิสรัป” ธุรกิจรุนแรงมาหลายปี รวมถึงการ “ทรานส์ฟอร์ม” จากทีวีอนาล็อก เข้าสู่ “ทีวีดิจิทัล” ด้วยการช่วงชิงประมูลใบอนุญาตประกอบกิจการ(ไลเซ่นส์) กลายเป็นบทเรียนราคาแพง เพราะเม็ดเงินโฆษณาที่คาดว่าจะพุ่งมหาศาล กลับดำดิ่ง ทีวีที่จะมีคนดูกลับ ย้ายไปเสพคอนเทนท์ผ่านแพลตฟอร์มใหม่ๆ(New Media)
.
ทว่า ท่ามกลางอุปสรรค ธุรกิจต้องดิ้นรนเอาตัวรอด “ช่อง 3”จากเคยพึ่งพารายได้โฆษณา ปัจจุบันมุ่ง New S-Curve สร้างการเติบโต ซึ่งปี 2566 ได้รุกหนักมากขึ้น ภายใต้วิสัยทัศน์และเป้าหมายองค์กร จะมุ่งเป็น “ยักษ์ใหญ่ด้านผลิตคอนเทนท์” การมุ่งพิชิตรายได้ “หมื่นล้านบาท” อีกครั้ง ยิ่งกว่านั้นต้องการกลับไปทำกำไรในจุดพีคที่ระดับ “5,000 ล้านบาท”
.
พิริยดิส ชูพึ่งอาตม์ รองกรรมการผู้อำนวยการ สำนักการเงินและบัญชี และภาณุกรณ์ พึ่งประดิษฐ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ นักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท บีอีซี เวิลด์ จำกัด)มหาชน) ฉายภาพถึงการขับเคลื่อนธุรกิจช่อง 3 ผ่านในช่วง 50 ปี การทำรายได้ของบริษัทมาจากคอนเทนท์ข่าว ละคร นักแสดง ทว่า 6-7 ปีก่อน ได้รุกคืบสู่ทีวีดิจิทัล และ 4 ปีที่ผ่านมา เคลื่อนทัพขายคอนเทนท์บุกตลาดต่างประเทศ มีการพัฒนาแพลตฟอร์มดิจิทัล “3Plus” ซึ่งทรานส์ฟอร์มจาก Mello เพื่อหารายได้จากสมาชิก เป็นต้น
.
ทั้งนี้ในปี 2566 ช่อง 3 จะเปิดแนวรบธุรกิจใหม่ เพื่อสร้างการเติบโต “รายได้” และ “กำไร” อย่างต่อเนื่อง สิ่งที่จะเห็นในปีหน้ามีมากมาย หนึ่งในนั้นคือธุรกิจหลักการผลิตคอนเทนท์ โดยเฉพาะ “ละคร” ที่บริษัททุ่มเงิน “2,000 ล้านบาท” ต่อปี เพื่อสร้างสรรค์เรื่องราวที่โดนใจกลุ่มเป้าหมายราว 30 เรื่องต่อปี โดยละครปีหน้า มีไฮไลท์ เช่น พรหมลิขิต ใต้เงาตะวัน เกมรักทรยศ เพราะรัก จนกว่าจะได้รักกัน ดวงใจเทวพรหม หมอหลวง เป็นต้น
.
เนื่องจากคอนเทนท์ละครไม่จำกัดป้อนคนดูในประเทศ แต่มุ่งเปิดตลาดต่างประเทศมากขึ้น จึงมีชื่อภาษาอังกฤษควบเพื่อขายให้ประชากรโลกรู้จักมากขึ้น พร้อมจัดทัพลุยงานใหญ่ของอุตสาหกรรมโทรทัศน์และตลาดซีรีส์ทางโทรทัศน์ที่ใหญ่สุดในเอเชีย หรือ Asia TV Forum & Market (AFT) เพื่อนำคอนเทนท์ไปโชว์ศักยภาพให้คู่ค้าซื้อขายต่อไป
.
ขณะที่การผลิตคอนเทนท์ละครของ ช่อง 3 จะเห็นการเปลี่ยนแปลงมากขึ้น หลังปลุกปั้น “บีอีซี สตูดิโอ” เพื่อทำสร้างสรรค์ผลงานเอง ไม่แค่มี “ผู้จัด” เครือข่ายเหมือนเดิม รวมถึงการสร้าง “สตูดิโอเสมือน” หรือ Virtual Studio ที่จะลดข้อจำกัดการถ่ายทำในต่างประเทศ ฝนตก แดดอออก เพราะทุกอย่างทำได้ครบครันภายในสตูฯ นอกจากนี้ปีหน้าบริษัทจะประเดิม 3 เรื่อง ป้อนคนดู ได้แก่ มือปราบกระทะรั่ว ถ่ายทำแล้ว 57% เกมส์โกงเกมส์ ถ่ายทำ 41% และร้อยเล่มเกมส์ออฟฟิศถ่ายทำ 11% ทั้งหมดจะรับรู้รายได้ปี 2566-67 ส่วนปี 2566 จะผลิตอีก 5 เรื่องเสริมทัพ
.
“บีอีซี สตูดิโอมีการเพิ่มพนักงาน เพื่อรองรับการผลิตคอนเทนท์ 10 เรื่องต่อปี ซึ่งยังน้อยอยู่ เพราะเป็นเพียง 1 ใน 3 ของการผลิตทั้งปีอยู่ที่ 30 เรื่อง การมีบีอีซี สตูดิโอ ยังช่วยลดต้นทุนระยะยาว เพราะเราไม่ต้องเดินทางไปต่างประเทศเพื่อถ่ายทำ รวมถึงช่วยลดเวลาถ่ายทำมากขึ้น”
.
นอกจากนี้อีกธุรกิจใหม่ ของบริษัทคือ “เพลง” ซึ่งมี “แต้ว ณฐพร” เป็นศิลปินเบอร์แรก สมทบด้วย “โบว์ เมลดา” ล่าสุดคือ “ภาพยนตร์” ที่จับมือกับเครือเมเจอร์ซีนีเพล็กซ์ กรุ๊ป สร้าง “บัวผันฟันยับ” ช่วยให้รับรู้รายได้ในปี 2565 ส่วนปี 2566 จะผลิตอีก 3-5 เรื่องป้อนคนดู และอีกธุรกิจใหม่ที่เพิ่งคิกออฟคือการทำตลาดผ่านช่องทางต่างๆหรือ IMC Marketing ด้วยการนำแบรนด์เข้าไปผนวกกับคอนเทนท์ต่างๆ รวมถึงการบริหารจัดการศิลปิน ที่จะเห็นในปี 2566 และทำรายได้ช่วงออกสตาร์ทหลัก “สิบล้านบาท”
.
“ธุรกิจที่จะเป็นรายได้หลักในอนาคต ปีนี้เราเริ่มคิกออฟแล้ว มีทั้งหนัง เพลง บีอีซี สตูดิโอ IMC Marketing เหล่านี้คือแผนระยะยาวที่เราจะเปลี่ยนจากการพึ่งพารายได้ทีวีอย่างเดียว ไปสู่คอนเทนท์โปรวายเดอร์”
.
อย่างไรก็ตาม ผลงาน 9 เดือน ของช่อง 3 มีรายได้รวมกว่า 3,890 ล้านบาท ลดลง 5% กำไรสุทธิ 458.2 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อยจากช่วงเดียวกันปีก่อน มีกำไร 466.4 ล้านบาท ผลกระทบหลักๆมาจากเศรษฐกิจ กำลังซื้อชะลอตัว เงินโฆษณาลดลง เช่น ขายโฆษณารายการข่าวมากขึ้น แต่ราคาต่อหน่วยลดลง ส่วนรายได้จากการขายลิขสิทธิ์คอนเทนท์ลดลง 21% โดยตลาดต่างแดนโต 29% แต่การขายให้แพลตฟอร์มออนไลน์ในประเทศ “หดตัว” ถึง 40% เพราะผู้เล่นใหญ่ๆต่างได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลก อีกทั้งต้นทุนการโปรโมทละคร ปีนี้เพิ่มขึ้น เทียบปีก่อน ที่ไม่ได้ทำกิจกรรมเพราะข้อจำกัดของโรคโควิด-19 ระบาด
.
สุดปัง!!ช่อง 3 ทุ่ม 2,000 ล. มุ่งเป็นยักษ์ใหญ่ด้านผลิตคอนเทนท์ จ่อคิกออฟธุรกิจใหม่ ลุยงานบริหารจัดการศิลปินปี66 ดึงรายได้ช่วงออกสตาร์ทหลัก10ล้าน
- Advertisement -