เฟสบุ๊กแฟนเพจของ น.ส.มณีรัตน์ ลิมป์รัตนกาญจน์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขตพระโขนง-บางนา พรรคภูมิใจไทย เบอร์ 6 โพสต์ข้อความระบุว่า “จากใจถึงใจ” อยากให้พิจารณาจากคุณสมบัติของผู้สมัคร ความตั้งใจจริงในการทำงาน ความสามารถในการที่ผลักดันนโยบายต่างให้เกิดเป็นผลลัพธ์ และประโยชน์สูงสุดให้กับทุกคนชาวพระโขนง-บางนาค่ะ 🫰🏻🫰🏻
14 พฤษภาคม เข้าคูหาบัตรสีม่วง 🟪 กาเบอร์ 6️⃣ ค่ะ
พูดแล้วทำ #บางนา #ภูมิใจกรุงเทพ #ภูมิใจไทย #พระโขนง #ทีมแม่มณี #กาเบอร์6
โดยวิดีโอดังกล่าวนั้นได้ตอบคำถามมากมาย โดยคำถามแรกนั้นถามว่าทำไมชาวพระโขนง-บางนา ต้องเลือกคุณมณีรัตน์ เบอร์6 ว่า ตอนนี้อายุ 40 ปี ผ่านมาครึ่งชีวิต ใน20ปีที่ผ่านมานั้น เป็น20ปีที่มีคุณค่ามากๆเลย ถ้าเราก้าวข้ามเรื่องการทะเลาะกัน ทำทุกอย่าง โดยใช้เวลา 20 ปีนี้ จะก่อให้เกิดประโยชน์แก่พี่น้องประชาชน
ส่วนจุดยืนและแนวทางการทำงานการเมือง ตนอยากจะทำการเมืองที่สร้างสรรค์ และเรียกตนเองว่าเป็นคนรุ่นใหม่ คนรุ่นใหม่คือคนที่ต้องทำงานได้กับทุกคน ผูกมิตร แล้วก็ทำเพื่อประชาชน ให้มีผลลัพธ์ ให้กับพี่้น้องประชาชนอย่างแท้จริง ผ่านนโยบายต่างๆ ส่งผลไปถึงคนในพื้นที่ของเรา โดยเฉพาะในเขตพระโขนงบางนา
พรรคภูมิใจไทยนั้นมุ่งเน้นนโยบายต่อเนื่อง และสัญญาที่จะทำด้านสาธารณะสุข เช่นเรื่องศูนย์ฟอกไตฟรี ซึ่งก่อนหน้านี้นโยบายของภูมิใจไทยก็ทำขึ้นฟรีอยู่แล้ว แต่ที่จะทำต่อจากนี้ก็คือให้มีศูนย์ฟอกไตฟรีทุกเขต ทุกอำเภอ ย่นระยะเวลา ลดค่าใช้จ่ายในการเดินทางให้กับพี่น้องประชาชนที่จะพาผู้ป่วยไป
ตนมีความเข้าใจหัวอกคนทำงาน ในการที่คนจะออกไปทำงานค่าเดินทางนั้นเป็นต้นทุนของทุกคน ถ้าตนได้มีโอกาสเข้าไปทำงานก็อยากจะผลักดันให้เป็นรูปธรรมให้ได้มากที่สุด เพื่อที่จะเป็นการลดค่าใช้จ่าย ลดความทุกข์ของพี่น้องประชาชนคนเมือง
นอกจากนี้ยังมีนโยบายส่งเสริมคนรุ่นใหม่ เช่น พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ หรือไม่ว่าจะเป็นคนทำงานประจำที่อยากมีอาชีพอิสระ หรือแม้กระทั่งที่อยากมีรายได้เสริม แต่ก็มีอุปสรรค์มากมายเหลือเกิน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องค่าขนส่ง หรือแม้กระทั่งช่องทางที่จะค้าขาย เรื่องนี้เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่อยากจะช่วยผลักดันเป็นการลดค่าขนส่งต่างๆ ผลประโยยชน์เกี่ยวกับทางด้านภาษี เพื่อที่ซัพพอร์ตให้พ่อค้าเหล่านี้เดินต่อไปได้
ส่วนกระแสการเลือกตั้งในโค้งสุดท้ายนั้น กระแสก็เป็นเรื่องของกระแส แต่อยากให้มองถึงความตั้งใจจริงและคุณสมบัติ ข้อดีของตนอย่างหนึ่งก็คือเป็นคนที่ทำงานผ่านมาหลาบบทบาท สามส่วนหลักๆเลยก็คือ ภาคประชาชน ภาคเอกชน และภาคราชการ ตนเคยทำงานร่วมมาแล้วทั้งหมด ตนจึงสามารถที่จะเห็นภาพรวมต่างๆ และทำงานขับเคลื่อนออกมาให้เป็นผลลัพธ์แก่ประชาชน
คนรุ่นใหม่กับการเมืองใหม่ในมุมมองของตนนั้น มองว่าคนรุ่นใหม่ไม่ได้ตัดสินที่อายุ แต่อยู่ที่แนวคิด อยู่ที่ความเข้าใจมากกว่า ว่าคนรุ่นใหม่เหล่านี้อยากได้อะไร คนรุ่นใหม่เดี๋ยวนี้มีความฝัน มีแรงบันดาลใจ มีความต้องการอยากจะทำนู่นอยากจะทำนี่ หน้าที่ของตนก็คืออยากที่จะผลักดันไม่ว่าจะเรื่องสาธารณะสุข ที่คนรุ่นใหม่ต้องมีความห่วงใยพ่อแม่ ครอบครัว แต่ตัวเขาเองนั้นต้องรับเอฟเฟคต่างๆโดยตรง ได้การที่ต้องดูแล อาทิ หาหมอ หายา หรือแม้กระทั่งค่าครองชีพ โดยเฉพาะค่าเดินทางที่จะไปทำงาน หรือสุดท้ายนี้ไม่ว่าจะเป็นพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ ดิจิทัลครีเอทีป เชฟ หรืออาชีพต่างๆ ถ้าตนมีโอกาสก็อยากจะผลักดันทั้งเชิงนโยบาย ทั้งเชิงปฏิบัติ อยากจะให้ไปสู่ฝันให้ได้
ส่วนคำถามสุดท้ายที่ถามว่า ความตั้งใจที่ทำให้มานั่งอยู่ตรงนี้ คืออะไร นางสาวมณีรัตน์ตอบอย่างมั่นใจว่า “ก็อยากจะทำจริงๆ อยากจะทำให้กับทุกคนในพื้นที่ มีความตั้งใจจริงๆ อยากจะมาเป็นทั้งตัวเชื่อม เป็นทั้งตัวคนทำงาน ให้ผลประโยชน์ตกกับพี่น้องประชาชนที่อยู่ในเขตพระโขนง-บางนา อย่างแท้จริง”