ศาลสั่งจำคุก ‘อานนท์ นำภา’ 2 ปี 20 วัน ปราศรัยหมิ่นเบื้องสูง ทบความผิด 3 คดี โทษรวม 10 ปี 20 วัน

0
191

ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ ถนนเจริญกรุง เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 29 เม.ย.67 ศาลอ่านคำพิพากษาคดีดูหมิ่นสถาบัน หมายเลขดำ อ1676/2564 ที่พนักงานอัยการ สำนักงานอาญากรุงเทพใต้ 4 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายอานนท์ นำภา ทนายความ และแกนนำนักเคลื่อนไหวม็อบราษฎร เป็นจำเลยในความผิดต่อองค์พระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท และผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์, พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน , พ.ร.บ.โรคติดต่อ , พ.ร.บ.ควบคุมการโฆษณาโดยใช้เครื่องขยายเสียง

กรณีเมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2564 จำเลยกับพวกได้กล่าวปราศรัยบริเวณลานหน้าหอศิลปวัฒนธรรมกรุงเทพ โดยมีข้อเรียกร้องให้ปฏิรูปสถาบันฯ ในกิจกรรม ‘เสกคาถาผู้พิทักษ์ปกป้องประชาชน’ หรือ #ม็อบแฮร์รี่พอตเตอร์2 ซึ่งเป็นดูหมิ่น ในหลวงรัชกาลที่ 10 ทำให้ถูกดูหมิ่น เกลียดชัง จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลพิเคราะห์คำเบิกความและพยานทั้งสองฝ่ายที่นำสืบหักล้างกันฟังได้ว่า พยานโจทก์ทั้งผู้ที่ได้ยินได้ฟังจำเลยกล่าวปราศรัยในวันเกิดเหตุและที่ได้ทราบและอ่านคำกล่าวปราศรัยของจำเลยในภายหลัง ล้วนเบิกความให้ความเห็นสรุปรวมว่า จำเลยได้กล่าวใส่ความสภาบันเบื้องสูงทำนองว่า นำเอาทรัพย์สินสาธารณะของประชาชนใช้ร่วมกันไปเป็นของตนเอง ทำให้ประชาชนมองว่าทรงโลภ เสื่อมศรัทธาจำเลยกล่าวหมิ่นประมาท ดูหมิ่นพระมหากษัตริย์ แม้จำเลยจะเบิกความว่า จำเลยวิพากษ์วิจารณ์อย่างตรงไปตรงมา พูดเรื่องการปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์และออกมาเรียกร้อง ให้มีการนำเข้าวัคชีน แต่จะมีเจตนาหมิ่นประมาทหรือดูหมิ่นหรือไม่ ไม่อาจถือตามความเข้าใจของจำเลยซึ่งเป็นผู้กล่าวเองเท่านั้น

แต่เมื่อพิจารณาถึงข้อความคำปราศรัยของจำเลยตามแล้ว เห็นได้ว่าจำเลยมุ่งหมายกล่าวถึงในหลวงรัชกาลที่ 10โดยตรง หากจำเลยมุ่งหมายจะปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์และวิจารณ์การทำงานของรัฐบาล จำเลยก็หาต้องกล่าวถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในลักษณะดังกล่าว ในคำปราศรัยด้วยไม่ ไม่มีเหตุจำเป็นอย่างใดที่จำเลยจะต้องยกเอาสถาบันอันเป็นที่เคารพของประชาชนมากล่าวเปรียบเทียบเปรียบเปรยในทางที่เสื่อมเสีย ทั้งเมื่อพิจารณาข้อความคำปราศรัยและบริบทในการอ้างพระนามในคำปราศรัยแล้ว เห็นว่าจำเลยเจตนาให้ประชาชนหรือผู้ที่ได้ฟังคำปราศรัยเข้าใจว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีความโลภ เป็นการใส่ความทำให้เสื่อมเสียต่อพระเกียรติยศ ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง ด้อยค่า

ทั้งนี้ ข้ออ้างของจำเลยที่นำสืบดังกล่าวขัดต่อเหตุผล ไม่มีน้ำหนักรับฟังหักล้างพยานหลักฐานโจทก์ได้ อีกทั้งไม่มีบทบัญญัติเหตุยกเว้นความผิดหรือยกเว้นโทษได้ทำนองเดียวกันกับประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 329 และมาตรา 330 การกระทำดังกล่าวจึงเป็นการหมิ่นประมาท ดูหมิ่น พระมหากษัตริย์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา112

พิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯมาตรา9, 18 พ.ร.บ.โรคติดต่อฯมาตรา 34,51 พ.ร.บ.ควบคุมการโฆษณาโดยการใช้เครื่องขยายเสียงฯมาตรา 4วรรคหนึ่ง, 9วรรคหนึ่ง ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ จำคุก 3 ปี ฐานร่วมกันจัดกิจกรรมที่มีความเสี่ยงต่อการแพรโรคซึ่งมีการรวมกลุ่มของบุคคลที่มีจำนวนรวมกันมากกว่าห้าคนในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดโดยไม่ได้รับอนุญาตและร่วมกันฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ

เป็นการกระทำกรรมเดียว ผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานร่วมกันจัดกิจกรรมที่มีความเสี่ยงต่อการแพรโรคซึ่งมีการรวมกลุ่มของบุคคลที่มีจำนวนรวมกันมากกว่าห้าคนในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดโดยไม่ได้รับอนุญาตซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุก 1 เดือน ฐานร่วมกันใช้เครื่องขยายเสียงด้วยกำลังไฟฟ้าโดยไม่ได้รับอนุญาต ปรับ 150 บาท ทางนำสืบของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78กระทงละ 1ใน 3

คงจำคุกฐานหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ จำคุก 2 ปี ฐานร่วมกันจัดกิจกรรมที่มีความเสี่ยงต่อการแพรโรคซึ่งมีการรวมกลุ่มของบุคคลที่มีจำนวนรวมกันมากกว่าห้าคนในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก 20 วัน ฐานร่วมกันใช้เครื่องขยายเสียงด้วยกำลังไฟฟ้าโดยไม่ได้รับอนุญาต ปรับ100บาท คงจำคุกจำเลยรวม 2ปี 20วัน ปรับ 100บาท โดยให้นับโทษจำคุกจำเลยในคดีนี้ต่อจากโทษจำคุกของจำเลยในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ อ 2841/2566และคดีอาญาหมายเลขแดงที่ อ 56/2567ของศาลอาญา ริบเครื่องปั่นไฟ 1 เครื่อง ลำโพง 8 ตัว เพาเวอร์แอมป์ 1 เครื่อง เครื่องผสมสัญญาณเสียง1 เครื่อง เครื่องรับสัญญาณไมโครโฟน 1 ตัว และไมโครโฟนไร้สาย 2 ตัว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ปัจจุบันนายอานนท์ถูกคุมขังอยู่ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ คดี ความผิดมาตรา 112 รวม 3 คดีด้วยกัน โดยเมื่อรวมโทษจำคุกหลังลดหย่อนของทั้ง 3 คดีแล้ว จำคุกนายอานนท์ รวม 10 ปี 20 วัน

ทั้งนี้ อานนท์ถูกดำเนินคดีตามมาตรา 112 จากการปราศรัยและโพสต์ข้อความในช่วงปี 63-64 รวมทั้งสิ้น 14 คดี

Thepoint #Newsthepoint

หมิ่นสถาบัน #ม112

อานนท์นำภา