‘ทนายบอน’ ชี้ สังคมไทยมีวิธีการทำลาย “คุณค่าของความดี” ด้วยการลาก “ของดี” มาให้หมาเยี่ยวรด!

0
16672

นายณัฐนันท์ กัลยาศิริ หรือ ทนายบอน อดีตว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม. พรรครวมไทยสร้างชาติ โพสต์เฟซบุ๊กระบุข้อความว่า [วิธีการทำลาย “คุณค่าของความดี” ด้วยการลาก “ของดี” มาให้หมาเยี่ยวรด] ของจะขลังแค่ไหนก็ไม่รอด
จะทำให้ของดี “เสื่อม” ทำไม่ยากครับ ลากมาให้หมาเยี่ยวรด เอามาด่า เอามาด้อยค่า เอามาบิดเบือนซ้ำๆ ทำเป็น “ขบวนการ” ของดีๆ ยังไงก็ต้องเสื่อม (ในสายตาคน) เพราะเปรอะเปื้อนไปด้วยอาจม
… ก่อนหน้านี้ …
ประเทศไทยเราเป็นสังคมเชิดชู “ความดี” (ก็ถูกต้องอยู่แล้ว) ทำให้สังคมเราเข้มแข็ง วิธีการทำลาย ก็ลากเอาคนดีๆ มาให้หมาเยี่ยวรด บิดเบือน ใส่ไฟ ทำเป็นขบวนการ … ปั่นกระแส “คนดีย์” ด้อยค่าความดี … แล้วก็ได้ผลจริงๆ ครับ
ต่อมาเราเป็นสังคมของ “ความกตัญญู” ก็ลากเอาพ่อแม่มาด้อยค่า ว่าสนุกกันเอง เกิดกูมา ก็ต้องเลี้ยงสิวะ มีบุญคุณตรงไหน ลากครูมาเยี่ยวรด ก็กินเงินเดือน มีหน้าที่สอน เป็นบุญคุณตรงไหนวะ … แล้วก็มีคนเชื่อ
ต่อมาสังคมเราเคารพศรัทธา “สถาบันพระมหากษัตริย์” ก็ … อย่างที่เห็นนะครับ รัชกาลที่ 9 ท่านบุกป่าฝ่าดงไปช่วยคน ไปช่วยจากคนปลูกฝิ่น ขายยาเสพติด มาให้ปลูกกาแฟ ขายผัก โครงการหลวงก็ยังมีให้เห็น … พวกบอก “แม่งโปรดักชั่น” รัชกาลที่ 10 บริจาคที่ให้สร้างโรงพยาบาลกลางเมืองกำลังขยับขยาย … พวกบอก “เอาไว้ทำคอมเพล็กซ์ปรนเปรอความสุขส่วนตัว” … แล้วก็มีคนเชื่อ
… หันกลับมามองอีกด้านนึง …
พอทำลายคุณค่าต่างๆ ของสังคมเราลงได้ สังคมอ่อนแอ ก็ยัดเรื่องบ้าๆ ขอโทษ … ยัดเรื่องเท่ๆ เข้ามาได้ง่าย เพราะพ่อแม่เตือนก็ไม่ฟัง ครูเตือนก็ไม่ได้ คนนั้นก็เลว ดีสู้กูไม่ได้สักคน กูจะทำอะไรก็ได้เพราะ … กูมีเสรีภาพ … กูจะทำอะไรก็ได้ … เพราะคนเท่ากัน เสมอภาคกัน
ส่วนพวกมึง (ร้าบาลทั้งหลาย) มีหน้าที่สนอง need กูเท่านั้น กูรู้ กูเรียนมา กูเป็นประชาชน กูเป็นเจ้านาย กูจะด่ายังไงก็ได้ นี่มัน “ประชาธิปไตย ประชาชนเป็นใหญ่เว้ย” (ก็ถูกแหละ ตามสบาย)
โดยหาได้รู้เลยไม่ว่าเสรีภาพนั้น “มีขอบเขตจำกัด” ความเสมอภาคก็เช่นกัน ในเมื่อคนเท่ากัน แล้วถือสิทธิอะไรไปด่าคนอื่นเค้าเสียๆ หายๆ แล้วฝรั่งเค้าก็ยังมีแนวความคิดอื่นๆ ที่ทำให้สังคมเป็นสุขเช่น “ภราดรภาพ” คือ ความเป็นพี่น้อง เพื่อนบ้าน ที่อยู่กันสงบสุข รักใคร่กัน … แต่พอของดีๆ แบบนี้ ไม่มีใครเอามาสอน มาพูดถึง … พูดกันแต่เรื่องบ้าๆ ที่ทำให้สังคมแย่ลง
แล้วไอ้คำว่า “ประชาธิปไตย” ถ้าศึกษาจะรู้ว่ามันคือ “เครื่องมือจัดการกับความขัดแย้ง” คือ พอคนเยอะๆ ความเห็นไม่ตรงกัน เอาไงดี ก็เอาตามเสียงข้างมาก แต่ในเมื่อมันคือเครื่องมือในการจัดการความขัดแย้ง มันเลยต้องมีหลายกติกามากำกับ เช่น เอาตามเสียงข้างมาก แต่ต้องเคารพสิทธิเสียงข้างน้อยนะ จะเอาเสียงข้างมากไปรังแกเค้าไม่ได้ แล้วอีกหลายหลัก แต่พอหลับหูหลับตาใช้โดยไม่เข้าใจ กลายเป็นเอาประชาธิปไตยมาแบ่งแยกกัน กูประชาธิปไตย มึงแม่งไม่ใช่ เอ้า … ไปๆ มาๆ เครื่องมือจัดการความขัดแย้ง อยู่ในมือคนไม่เข้าใจ เอามาฟาดหัว สร้างความขัดแย้งกันให้หนักเข้าไปอึกซะงั้น … กรรม
… หันมามองปัจจุบัน …
มาถึงตอนนี้ กำลังจะแก้กฎหมาย ให้ประชาชนด่ากันเองได้ ด่าเจ้าหน้าที่รัฐ ด่าศาล ได้โดยสะดวก มีแต่โทษปรับ ด่าสถาบันมีโทษเบาๆ “แพคเกจ” เพิ่มเสรีภาพในการก่นด่า และลดความรับผิดชอบจากการก่นด่าให้น้อยลง (ราคาที่ต้องจ่าย) เน้นคุ้มครองคนด่า มากกว่าคนที่นั่งอยู่เฉยๆ แล้วโดนด่า … ใครไม่งง ผมงงครับ 5555
… มองย้อนกลับไป ทบทวนอ่านเร็วๆ มาใหม่ตั้งแต่ต้น …
เราจะต้องเริ่มคิดและทบทวนแล้วว่า สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ หรือมี “การบริหารจัดการ” เป็น “ขบวนการ” จากการเฝ้าจับตามองมานาน ผมยิ่งมั่นใจขึ้นทุกทีว่านี่คือขบวนการบ่อนทำลายชาติ ที่ลงมือทำอย่างเป็นระบบ มีการกำหนดเป้าหมาย แล้วทำลายล้าง อย่างเป็นขั้นเป็นตอน
ถ้ายังไม่เห็นด้วยกับผม ไม่เป็นไร ขอเพียงให้ช่วยกันจับตาดูและตั้งข้อสังเกตครับ
ถ้าเห็นด้วยกัน ทักกัน จับมือกันไว้ ภารกิจสำคัญของชาติลำดับต่อไป “สร้างความรักความสามัคคีให้กลับคืนมา” “สร้างค่านิยมที่ถูกต้อง” ให้กลับคืนมาครับ

ThePoint #Newsthepoint #ข่าวการเมือง #ณัฐนันท์กัลยาศิริ #ทนายบอน #สสกทม #รวมไทยสร้างชาติ #เลือกตั้ง2566